วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

วิธีการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข 9 ประการ


วิธีการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข 9 ประการ

ในชีวิตของคนเรามีเรื่องต่าง ๆ มากมายให้ต้องประสบพบเจอ แถมเรื่องบางเรื่องยังเป็นเรื่องที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าอีกต่างหาก ซึ่งนี่เองอาจจะเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผลเสียทั้งต่อสภาพร่างกายและจิตใจ

 วิธีการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข 9 ประการ

 
ความสุขเริ่มต้นที่ตัวเรา
ความสุขเริ่มต้นที่ตัวเรา 

         ในชีวิตของคนเรามีเรื่องต่าง ๆ มากมายให้ต้องประสบพบเจอ แถมเรื่องบางเรื่องยังเป็นเรื่องที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าอีกต่างหาก ซึ่งนี่เองอาจจะเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผลเสียทั้งต่อสภาพร่างกายและจิตใจ เรื่องเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นเกิดกับตัวคุณอย่างแน่นอน วันนี้เราจึงขอนำเสนอวิธีการดี ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณจัดการกับชีวิตและปัญหาที่เกิดขึ้นได้ มาดูกันว่าวิธีการที่ว่านั้น มีอะไรบ้าง และจะช่วยให้ชีวิตคุณสงบสุขได้อย่างไร ตามมาดูกันเลย
 

ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน
กำหนดระยะเวลาให้มีขอบเขต 
 
 
1. กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน
 
     การกำหนดระยะเวลานี้ จะช่วยให้คุณสามารถแบ่งเวลาให้มีความเหมาะสมและลงตัวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องการเรียน หรือเรื่องใด ๆ ก็ตามแต่ การจัดสรรเวลาจะมีประโยชน์อย่างมาก ที่สำคัญเมื่อคุณแบ่งเวลาได้แล้ว ก็จะทำให้คุณไม่รู้สึกกังวล หรือเกิดความครียดใด ๆ ขึ้นเลย

 2. หาวิธีให้ร่างกายได้พักผ่อน
 
     การพักผ่อนถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายจากหน้าที่ที่คุณต้องรับผิดชอบได้มากเลยทีเดียว ลองหากิจกรรมที่คุณชอบและถนัด เช่น ไปออกกำลังกาย อ่านหนังสือ เล่นโยคะ ฯลฯ เหล่านี้จะช่วยได้มากเลยล่ะ

 
3. อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
 
    เรื่องเล็กน้อย ยิบย่อย ก็ไม่ควรนำมาใส่ใจแต่อย่างใด ปล่อยวางไปซะบ้าง ไม่อย่างนั้น จะทำให้เกิดความเครียดตามมา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณอย่างยิ่ง

4. ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม
 
    บางครั้งการรีบร้อนมากเกินไป อาจไม่ส่งผลดีเท่าที่ควร ดังนั้นแล้ว ลดสปีดลงสักนิด ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ พิจารณา เพื่อให้เกิดความรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถจัดการงานต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น

 
5. เก็บกวาดข้าวของซะบ้าง
      ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือที่บ้าน หากคุณมีสิ่งของที่วางระเกะระกะ กระจัดกระจายอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางแล้วล่ะก็ ทำการปัดกวาด เช็ดถู เก็บข้าวของนั้น ๆ โดยไว เพราะเมื่อคุณเก็บกวาดเสร็จแล้ว จะทำให้คุณมีความคล่องตัวในการทำงานมากยิ่งขึ้น จะหยิบจับอะไรก็สะดวก

ความสุขเริ่มต้นที่ตัวเรา
ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน 
 
 
6. ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานซะบ้าง

         ถ้าชีวิตมัวแต่จมปลักอยู่กับเรื่องเครียด ๆ มากจนเกินไป จะทำให้คุณมีแต่แย่ลงและแย่ลงกว่าเดิม ดังนั้นแล้ว อะไรก็ตาม
ที่สามารถสร้างความบันเทิงให้กับตัวคุณได้ ก็หามาใส่ตัวเองซะบ้าง ชีวิตนี้จะได้มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
 
7. หลีกหนีจากโลกแห่งความวุ่นวาย
        หากงานที่ทำมีความยุ่งยาก ซับซ้อน ชวนวุ่นวายชีวิตมากมาย ก็ขอให้รีบ ๆ เคลียร์งานนั้น ๆ แล้วหาเวลาออกไปพักผ่อนซะบ้าง จะออกไปเที่ยว ไปดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ฯลฯ ก็เป็นทางออกที่น่าสนใจเช่นกัน

 
8. ตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่

           ประเภทที่ว่าชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ขอให้เลิกทำแบบนั้นซะ เพราะนั่นจะทำให้คุณไม่มีสมาธิ(Meditation)กับสิ่งใดเลย 
เผลอ ๆ อาจจะทำให้งานที่ทำไม่มีประสิทธิภาพ แถมยังส่งผลให้สภาพจิตใจย่ำแย่หนักไปกว่าเดิมอีกต่างหาก

 
9. จัดการกับปัญหาที่เข้ามาในชีวิต

           ขอให้จำเอาไว้เสมอว่า "ทุกปัญหา ย่อมมีทางออก" ไม่ว่าปัญหาที่เข้ามาในชีวิตจะมีความรุนแรงต่อสภาพจิตใจมากน้อยขนาดไหน ก็ขอให้ใจเย็น ๆ คิดอย่างรอบคอบ ค่อย ๆ แก้ปัญหาไปทีละขั้น ๆ หรืออาจจะปรึกษาผู้ที่มีประสบการณ์ด้วยก็ได้ จะสามารถช่วยแก้ปัญหานั้น ๆ ได้มากเลยทีเดียว

           ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ล้วนแล้วแ
ต่เป็นวิธีการดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ และทำให้คุณเกิดความสบายใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ลองนำไปปรับใช้ดูก็ได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะจ๊ะ



ขอขอบคุณ   http://www.dmc.tv

การทำเค้กเนยสด (ในหม้อหุงข้าว) แบบง่ายๆ


การทำเค้กเนยสด (ในหม้อหุงข้าว) แบบง่ายๆ


ส่วนประกอบ
- แป้งเค้ก สำเร็จรูป 400 กรัม (ของเจ้าไหนก็ได้)
- เนยเค็มขนาด 220  กรัม 1 ก้อน
- นมจืด 1 1/2 แก้วเป็ก  (ถ้าไม่มีใช้น้ำเปล่าก็ได้)
- ไข่ไก่  4 ฟอง (ไข่ไก่อุณภูมิห้อง ถ้าแช่เย็นเอาออกมาวางข้างนอกให้หายเย็นก่อน)
- ฝงฟู  1/2  ช้อนชา
- น้ำตาลทราย   4  ช้อนโต๊ะ (แป้งสำเร็จจะไม่หวานต้องเติมน้ำตาลลงไปเล็กน้อย)


ข้าวของเครื่องใช้ตามรูป


ก่อนอื่นเรามาปั่นน้ำตาลให้ละเอียดในโถปั่นก่อน


เทลงภาชนะที่เราจะใช้ผสมแป้งนั่นละ


เทแป้งที่เราเตรียมไว้ลงไป


ใส่ผงฟูลงไปกะให้ประมาณ 1/2 ช้อนชา


แล้วเราก็เริ่มร่อนแป้งในตะแกรงเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน ร่อนสัก 6-7 รอบ หรือมากกว่านั้นก็ได้ 


แป้งที่ร่อนเสร็จแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้


เราก็เริ่มการทำของเหลวเลย โดยใส่เนยในภาชนะที่เราจะทำการผสม ทั้งก้อนเลย 220 กรัม


แล้วก็ตีให้ฟู ด้วยมือเรานี่ละ ไม่ได้ใช้เครื่องแต่ประการใด


ใส่ไข่ที่เตรียมไว้ลงไป


นมที่เราใช้ก็นมที่ดื่มนี่ละนมจืด 1  1/2 แก้ว (แก้วเป็กเหล้านี่ละ) ไม่มีอะไรตวง


เทลงในชามแล้วตีให้ส่วนผสมเข้ากัน


ค่อย ๆเทแป้งที่เราร่อนลงไป ให้กะให้ได้  3 ส่วน ค่อยๆ ตีไปไม่ต้องรีบ


ผสมจนแป้งที่เตรียมหมด แล้วตีไปเรื่อยๆ


ตีให้ส่วนผสมเข้ากันจนหมดเป็นเนื้อเดียวกัน


ตีต่ออีกสัก 3 นาที ให้เหนียว ละเอียด เป็นใช้ได้แล้ว


เช็ดหม้อหุงข้าว ให้สะอาดแล้วเทแป้งที่เราผสมเสร็จแล้วลงไป



เขย่า ๆ ให้หน้าเรียบเสมอกัน แล้วน้ไปหุง พอสุกจะได้แบบนี้



เทออกจากหม้อ ลงในตะแกรง เพื่อเวลาที่เคีกระบายความร้อน ก้นเค้กจะได้ไม่แฉะ (หากไม่มีตะแกรง ให้ใช้ตะเกียบ วางถี่ๆ ได้เหมือนกัน)




ระหว่างที่รอเค้กเย็นเราก็ใช้มีดขูดส่วนที่เกรียมก้นหม้อออกจากเนื้อเค้ก



 เราก็จะได้เนื้อเค้กแบบนี้


เรามาตัดดูเนื้อกันดีกว่าครับ 


อีกมุมนึงครับ


ชิ้นแรกครับ เนื้อเนียน นุ่ม ชุ่มด้วยเนยสดครับ


อีกมุมนึงครับ


แค่นี้เราก็ได้ บัตเตอร์เค้กที่ทำง่าย ราคาไม่แพงไว้ทานแล้วครับ ด้วยงบประมาณ 150  บาท กับฝีมือเราเองครับ

ปล. ขนาดหม้อผม 1.8 ลิตร หากใช้หม้อที่เล็กกว่า ให้ลดสัดส่วนลงครับ โดย หาร 3 ครับ เพื่อจะให้เค้กสุกตามเวลาและไม่ไหม้ก้นหม้อครับ


ขอขอบคุณ  http://www.bloggang.com 

การปลูกผักสวนครัว

การปลูกผักสวนครัว
ความเป็นมา
 ผักเป็นอาหารประจำวันของมนุษย์ เป็นแหล่งอาหารให้แร่ธาตุวิตามินที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์จากข้อมูลวิจัยกล่าวว่า มนุษย์เราควรบริโภคผักวันละประมาณ 200 กรัม เพื่อให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุและวิตามินอย่างเพียงพอผลการวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักแห่งเอเชีย ชี้ให้เห็นว่าประชากรของประเทศไทยโดยเฉพาะสตรีมีครรภ์และพวกเด็กๆ มักขาดแคลนแร่ธาตุวิตามินกันมาก ประกอบกับปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบ ทำให้มีค่าครองชีพสูงขึ้น ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้มีการรณรงค์ให้มีการปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองในครอบครัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีพืชผักเพียงพอแก่การบริโภคในครัวเรือน ทำให้ได้รับสารอาหารครบตามความต้องการของร่างกาย และช่วยลดภาวะค่าครองชีพ
ข้อดีของการปลูกผักสวนครัว
  ผักเป็นอาหารประจำวันของมนุษย์ เป็นแหล่งอาหารให้แร่ธาตุวิตามินที่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์จากข้อมูลวิจัยกล่าวว่า มนุษย์เราควรบริโภคผักวันละ
ประมาณ 200 กรัม เพื่อให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุและวิตามินอย่างเพียงพอ
ผลการวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักแห่งเอเซีย ชี้ให้เห็นว่าประชากรของประเทศไทย โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์และพวกเด็ก ๆ มักขาดแคลนแร่ธาตุวิตามินกันมาก ประกอบกับปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบทำให้มีค่าครองชีพสูงชึ้น ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้มีการรณรงค์ให้มีการปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองในครอบครัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีพืชผักเพียงพอแก่การบริโภคในครัวเรือน ทำให้ได้รับสารอาหารครบตามความต้องการของร่างกายและช่วยลดภาวะค่าครองชีพ
การเลือกสถานที่ปลูก
   1. การเลือกสถานที่หรือทำเลปลูก ควรเลือกพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด
อยู่ใกล้แหล่งน้ำและไม่ไกลจากที่พักอาศัยมากนักเพื่อความสะดวกในการ
ปฏิบัติงานด้านการปลูก การดูแลรักษาและสะดวกในการเก็บมาประกอบอาหารได้ทันทีตามความต้องการ
2. การเลือกประเภทผักสำหรับปลูก ชนิดของผักที่จะปลูกควรคำนึงถึงการใช้เนื้อที่ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยการปลูกผักมากชนิดที่สุดเพื่อจะได้มีผัก
ไว้บริโภคหลายๆ อย่าง ควรเลือกชนิดของผักที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและปลูกให้ตรงกับฤดูกาล ทั้งนี้ควรพิจารณาเปอร์เซ็นต์ความงอกของเมล็ดพันธุ์
วันเสื่อมอายุ ปริมาณหรือน้ำหนัก โดยดูจากสลากข้างกระป๋องหรือซองที่บรรจุเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจะทำให้ทราบว่าเมล็ดพันธุ์นั้นใหม่หรือเสื่อมความงอกแล้ว เวลา
วันที่ผลิตถึงวันที่จะซื้อ ถ้ายิ่งนานคุณภาพเมล็ดพันธุ์จะลดลง
ขั้นตอนการปลูก
ขั้นตอนการปลูก 2 ขั้นตอน ดังนี้
1.การปลูกผักในแปลงปลูก
2.การปูุกผักในภาชนะ
•   คลิป ขั้นตอนการปลูก
ระยะเวลา
  
ผลผลิตที่ได้
    การเก็บเกี่ยวผักควรเก็บในเวลาเช้าจะทำให้ได้ผักสดรสดี และหากยังไม่ได้ใช้ให้ล้างให้สะอาด และนำเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับผักประเภทผลควรเก็บในขณะที่ผลไม่แก่จัดจะได้ผลที่มีรสดีและจะทำให้ผลดก หากปล่อยให้ผลแก่คาต้น ต่อไปจะออกผลน้อยลง สำหรับในผักใบหลายชนิด เช่น หอมแบ่ง ผักบุ้งจีน คะน้า กะหล่ำปี การแบ่งเก็บผักที่สดอ่อนหรือโตได้ขนาดแล้ว โดยยังคงเหลือลำต้นและรากไว้ไม่ถอนออกทั้งต้น รากหรือต้นที่เหลืออยู่จะสามารถงอกงาม ให้ผลได้อีกหลายครั้ง ทั้งนี้จะต้องมีการดูแลรักษาให้น้ำและปุ๋ยอยู่ การปลูกพืชหมุนเวียนสลับชนิดหรือปลูผักหลายชนิดในแปลงเดียวกัน และปลูกผักที่มีอายุเก็บเกี่ยวสั้นบ้างยาวบ้างคละกันในแปลงเดียวกัน หรือปลูกผักชนิดเดียวกันแต่ทยอยปลูกครั้งละ 3-5 ต้น หรือประมาณว่าพอรับประทานได้ในครอบครัวในแต่ละครั้งที่เก็บเกี่ยว ก็จะทำให้ผู้ปลูกมีผักสดเก็บรับประทานได้ทุกวันตลอดปี


ขอขอบคุณ 
http://www.nmt.or.th

สิ่งมหัศจรรย์ของโลก


สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
1. กำแพงเมืองจีน
          กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงที่ใหญ่และยาวที่สุดในโลก ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชิวั่งตี่ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของจีน การสร้างกำแพงขึ้นนี้ก็เพื่อเป็นรั้วกั้นพรมแดนทางด้านเหนือของประเทศจีน และป้องกันการรุกรานของพวกตาด พระเจ้าชิวั่งตี่จึงได้เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 300-329 โดยใช้แรงงานราษฎรนับล้านคน และมีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก
ลักษณะสำคัญของกำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงอิฐความสูงของกำแพงเท่ากับตึก 3 ชั้น ยาวประมาณ 1,500 ไมล์ (2,400 กิโลเมตร) กำแพงหนา 15 - 25 ฟุต บนกำแพงมีทางเดินกว้าง10 ฟุต ทุก ๆ 30 ฟุตจะมีหอหรือป้อมตรวจการ ป้อมตรวจการนี้จะสูงประมาณ 10 - 20 ฟุต ตลอดแนวกำแพงมีป้อมถึง 15,000 ป้อม มีระฆังแขวนบอกเหตุอีกประมาณ 20,000 กว่าหอระฆัง
The Great Wall
ปัจจุบันกำแพงเมืองจีนได้รับการปรับปรุงจากรัฐบาลจีน เพื่อเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเที่ยวในประเทศจีน
2. ทัสมาฮาล
         ทัชมาฮาล เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรัก สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1631 - 1648 รวมเวลาก่อสร้าง 17 ปี ใช้เวลาตกแต่ง 5 ปี รวมเวลาทั้งหมด 22 ปี ใช้งบประมาณในการสร้าง 30 ล้านรูปี คนงาน 20,000 คน

ทัชมาฮาลสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ชาร์เจฮาน แห่งราชวังโมกุลเพื่อใช้บรรจุศพของพระนางมุมทัส มาฮาล ซึ่งเป็นมเหสีสุดที่รักของพระองค์ สถานที่ทำด้วยหินอ่อนภายในสุสานใต้โคมใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานหีบศพของพระนางมุมทัส และกษัตริย์ชาร์เจฮาน
3. ปราสาทหิน นครวัด - นครธม
ปราสาทหิน นครวัด - นครธม เป็นปราสาทหินที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดของขอม นครธมสร้างขึ้นก่อนนครวัด พอสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
  • นครธม สร้างเมื่อประมาณ ค.ศ. 1345-1412 ในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และที่ 2 นครธมมีเนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 25,000 ไร่ ประกอบด้วยปราสาทซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามบริเวณต่างๆ ไม่น้อยกว่า 600 แห่ง ด้านนครธมเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีคูเมือง กำแพง ป้อมปราการสวยงามแข็งแรง สร้างด้วยหินในเนื้อที่ 5,000 ไร่ ปราสาทนครธมทุกยอดเป็นหน้าพรมเกือบทั้งหมดล้อมรอบด้วยปราสาทเล็ก มีชื่อเรียกต่างๆ เช่น ปราสาทแปรรูป ปราสาทแม่บุญ ปราสาทพายน เป็นต้น
  • นครวัด เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นด้วยหินเช่นเดียวกับนครธม สร้างเมื่อประมาณ ค.ศ. 1643 ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เป็นปราสาทหิน 8 ชั้น หรือ 3 ตอน ประกอบด้วยคูเมืองขนาดใหญ่มีเขื่อนก่อสร้างด้วยศิลาทั้ง 4 ทิศ มีสะพานหินใหญ่โต


นครวัด - นครธม สร้างด้วยฝีมือมนุษย์และการแกะสลักลวดลายลงบนหินสวยงามมาก ปัจจุบันนครวัด - นครธม ประดิษฐานอยู่ในประเทศสาธารณรัฐกัมพูชาประชาธิปไตย ห่างจากเมืองเสียมราฐประมาณ 8 กิโลเมตร
4.ปราสาทเขาพระวิหาร
              ศาสนาสถานสำคัญที่เคยเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชา ด้วยความยิ่งใหญ่โอฬาริกที่เปรียบเสมือนสวนสวรรค์บนแดนดิน แม้กาลเวลาและสงครามจะทำให้ปัจจุบันคลับคล้ายเหมือนถูกทิ้งขว้าง หากเมื่อเปิดให้ชมอีกครั้งในปี 2541 ปราสาทเขาพระวิหารก็คึกคักอีกครั้งจากจำนวนผู้คนที่ไม่ย่นย่อต่อการไต่บันไดขึ้นสู่โคปุระ เพื่อชื่นชมลวดลายอันสลักเสลาของหน้าบันและทับหลังอันวิจิตร บ่งถึงฝีมือเอกอุของช่างโบราณที่นำพาให้สถานที่แห่งนี้ยังคงครองความตรึงตราตรึงใจไม่รู้คลาย


5. ปิรามิด
Giza Pyramid
ปิรามิดแห่งเมืองกิซา ประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงไคโรเมืองหลวงของอียิปต์ไปทางทิศใต้ประมาณ 2-3 กิโลเมตร กลางทะเลทรายทางตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ปิรามิดแห่งเมืองกิซา จะมีอยู่ 3 องค์ คือ ปิรามิดซีเฟรน ปิรามิดไมเซอนิรุส และ ปิรามิดคีออปส์
ปิรามิดคีออปส์ เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุด เรียกว่า มหาปิรามิดสันนิษฐานว่า สร้างโดยพระเจ้าคีออปส์ หรือ พระเจ้ากูฟู ปิรามิดนี้สร้างด้วยหินยักษ์รวมกันประมาณ 2,500,000 ก้อน มีน้ำหนักตั้งแต่ 2 ตันถึง 15 ตัน ส่วนสูงเดิมสูง 481.4 ฟุต แต่ถูกกัดกร่อนพังลงเหลือ 450 ฟุต พื้นที่ทั้งหมดกว้าง 13.1 เอเคอร์ หรือ ประมาณ 20 ไร่ ฐานกว้าง 768 ฟุต รูปตรงเป็นกรวยสี่เหลี่ยมคว่ำใช้แรงงานไม่น้อยกว่า 100,000 คน ก่อสร้างนานถึง 10 ปี ปิรามิดองค์นี้สร้างเพื่อบรรจุศพของพระเจ้าคีออปส์ จัดอยู่ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
Giza Pyramid
สฟิงซ์ เป็นสัตว์ประหลาดอยู่ในทะเลอียิปต์ เป็นรูปครึ่งคนครึ่งสัตว์ใบหน้าเป็นคน ตัวจะเป็นสิงโตสลักด้วยหินก้อนใหญ่ อยู่ในท่าหมอบเฝ้าปิรามิด มีขนาดสูงประมาณ 66 ฟุต ยาวประมาณ 240 ฟุต พระเจ้าซีเฟรนสร้างขึ้น อายุประมาณ 6,000 ปี
The Great Sphinx
6.พระราชวังแวร์ซายส์
       พระราชวังแวร์ซายส์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ระหว่าง ค.ศ. 1661- 1681 จุดประสงค์สำคัญในการสร้างก็เพื่อต้องการให้ชาวโลกเห็นว่า ความมั่นคั่งสมบูรณ์และความงามเลอเลิศที่สุดในโลกมารวมอยู่ที่ฝรั่งเศสทั้งหมด พระราชวังแวร์ซายส์สร้างด้วยหินอ่อนและตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร ด้วยสิ่งประดับที่หาที่สุดมิได้ทั้งลวดลายการแกะสลักในไม้และหิน เครื่องเคลือบ เครื่องเงิน เครื่องทอง หินอ่อน และฝีมือชั้นเยี่ยมโดยใช้เงินในการสร้างเป็นหิน 500 ล้านฟรังค์
Palace of Versailles
Palace of Versailles
ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังมีความงามเป็นเลิศ ซึ่งฝรั่งเศสใช้เป็นสถานที่รับแขกเมืองการประชุมที่สำคัญระดับชาติ
7. สวนลอยกรุงบาบิโลน
            สวนลอยกรุงบาบิโลน มีอายุประมาณ 4,000 ปี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟติส สวนนึ้สร้างเหนือพื้นดิน บนพื้นที่กึ่งทะเลทรายก่อเป็นเนินสูงซ้อนกันเป็นชั้นๆ สูง 100 ฟุต แต่ละชั้นจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับไว้เพื่อให้แลดูสวยงาม
The Seven Wonders: The Hanging Gardens of Babylon
สวนลอยกรุงบาบิโลนสร้างโดยพระเจ้าเนซูซาร์ Hammurabi (1792-1750 BC). เพื่อเป็นที่พักผ่อนของพระองค์ และพระมเหสี
ปัจจุบันสวนลอยแห่งนี้ได้พังทลายไปหมดแล้ว บาบิโลนปัจจุบันก็รวมเข้ากับประเทศอิรัก ห่างจากกรุงแบกแดด 50 กม. ไปทางตอนใต้ จัดอยู่ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
8. หอเอนปิซา The Leaning Tower of Pisa
The Leaning Tower of Pisa Gallery
หอเอนปิซา The Leaning Tower of Pisa ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ประเทศอิตาลี เป็นหอระฆังที่มีลักษณะเอียงเหมือนกับจะโค่นล้ม หอเอนปิซานี้สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุตมี 3 ชั้น เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1174 เสร็จปี ค.ศ. 1350 ใช้เวลาในการสร้างนานถึง 176 ปี
ภายในหออาซานจะมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายไว้อย่างสวยงามโดยจิตรกรชื่อดัง ส่วนสาเหตุที่เอียงนั้นเกิดขึ้นเมื่อสร้างเสร็จแล้วฐานทรุดไปข้างหนึ่ง วัดดูปรากฎว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานประมาณ 14 ฟุต แต่ก็ยังไม่ล้ม





9. อนุสาวรีย์อิสรภาพ
อนุสาวรีย์อิสรภาพ ตั้งอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี้ ในบริเวณท่าเรือนครนิวยอร์ค รูปอนุสาวรีย์จะเป็นรูปสุภาพสตรีสาวในชุดเสื้อคลุม อยู่ในท่ายืนอย่างอิสระถือคบเพลิงอันหนึ่งชูไว้เหนือศีรษะ
ที่ประเทศฝรั่งเศสก็จะมีภาพจำลองขนาดเล็ก ของอนุสาวรีย์อิสรภาพตั้งเด่นอยู่เหนือแม่น้ำเซน ในนครปารีส ส่วนอนุสาวรีย์อิสรภาพของจริงตั้งอยู่เหนือบริเวณท่าเรือ ในนครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา



10. กองหินปลาด
กองหินประหลาด ประกอบด้วยหินขนาดใหญ่จำนวน 112 ก้อน แต่ละก้อนทรงสูง บางก้อนวางอยู่บนยอดซ้อนกัน บางก้อนล้มนอน วงหินรอบนอกมีเส้นผ่าศูนย์กลางคือ 100 ฟุต หินที่วางเรียงรายกันอยู่มี 30 ก้อน แต่ละก้อนสูงถึง 13 ฟุต มีน้ำหนักมาก
Stone
กองหินประหลาดตั้งอยู่กลางทุ่งนา แห่งเมืองซัสลิสเบอรี่ มณฑลวิลไซร์ ประเทศอังกฤษ ห่างจากกรุงลอนดอน ประมาณ 10 ไมล์
11. ฝาแฝดอิน- จัน
           ฝาแฝดอิน - จัน เป็นฝาแฝดคนไทยที่ตัวติดกันคู่แรก ที่ชาวโลกรู้จักเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2354 ที่บ้านริมน้ำปากคลองแม่กลอง ต. แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม บิดาชื่อ นายทีอาย เป็นชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ มารดาชื่อ นางนก มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันรวม 9 คน
แรกเกิด อิน-จัน จะมีร่างกายสมประกอบทุกอย่าง แต่ที่หน้าอกจะติดกัน มีสะดือเดียว ตอนแรกเกิดร่างทั้งสองสลับหัวกัน มารดาของเขาจึงจับหมุนให้หันหัวเท้าอยู่ในทิศทางเดียวกัน อินจะเป็นคนค่อนข้างเงียบ ใจเย็น เจ้าความคิด ส่วนจันใจร้อน เจ้าอารมณ์ ฉุนเฉียว ในวัยเด็กอายุได้ 8 ขวบ พ่อของอินจันเสียชีวิต อิน-จันจึงต้องมีหน้าที่ช่วยงานแม่ เลี้ยงเป็ดขายไข่
ปี พ.ศ. 2372 อิน-จัน มีอายุได้ประมาณ 18 ปี กัปตันคอฟฟิน และนายโรเบิร์ต ฮันเดอร์ เจ้าของเมืองมหรสพ เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ได้ขอตัวแฝดอิน-จัน จากแม่ของเขาเพื่อนำไปแสดงโชว์ที่ โรงมหรสพของเขา โดยอ้างกับมารดาของอิน-จันว่า เพื่อแนะนำให้ชาวโลกได้รู้จัก ซึ่งแม่ของแฝดอิน-จันตกลงและได้รับเงินจำนวน 1,600 บาท เป็นค่าตอบแทน แฝดอิน-จัน ถูกนำไปเปิดการแสดงโชว์ตัวตามประเทศต่าง ๆ ซึ่งทำรายได้ให้แก่กัปตันคอฟฟิน และนายโรเบิร์ต ฮันเดอร์ เป็นอย่างมากเมื่อแฝดอิน-จัน ไปแสดงที่ใดก็จะได้รับความสนใจอย่างมาก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2375 เขาทั้งสองได้แยกตัวออกจากคณะมหรสพโดยเปิดการแสดงอย่างอิสระ ทำให้รายได้เพิ่มมากขึ้นจนมีฐานะร่ำรวย สามารถซื้อที่ดินทำนาทำไร่ ปลูกบ้านเป็นของตัวเองบนเนื้อที่ 150 เอเคอร์ ที่เมืองแทรปอินส์ และเขาได้ใช้นามสกุลว่า บังเกอร์ ของเฟรดและวิลเลี่ยม บังเกอร์ ซึ่งทั้งสองได้ให้ความนับถือ ต่อมาเขาได้หยุดการแสดงโชว์ และหันไปทำไร่ยาสูบจนประสบความสำเร็จ มีฐานะร่ำรวยขึ้น อายุได้ 31 ปี อิน-จัน ได้พบรักและ แต่งงานกับสองสาวคือ อิน บังเกอร์ กับมิสซาร่าเยสท์ อายุ 20 ปี ส่วนจัน บังเกอร์ กับมิสอาดิเลดเยสท์ อายุ 19 ปี โดยทั้งสองคู่ได้ทำพิธีแต่งงานที่โบสถ์เมธอดิสท์ ในวันที่ 13 เมษายน 2386 หลังจากแต่งงานทั้งคู่ได้มีบุตรคนแรกในเวลาไล่เลี่ยกัน อินมีบุตรสาวคนแรกคือ แคธเธอรีน เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2387 จันก็มีบุตรสาวคนแรกคือ โจเซฟฟิน เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2387 ในปี 2387 อิน-จัน สร้างบ้านให้ภรรยาแยกกันอยู่คนละหลัง ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร และต้องผลัดไปอยู่บ้านแต่ละคน คราวละ 3 วัน ทั้งคู่มีลูกชาย - หญิง รวมกัน 21 คน
ปีพ.ศ. 2414 อิน-จัน มีอายุได้ 60 ปี จึงหยุดการแสดงโชว์ อินและจันเกิดป่วยเป็นอัมพาตซีกขวา อินทั้งดื่มสุราจัดด้วย จึงทำให้สุขภาพของจันเสื่อมโทรมลงไปด้วย แพทย์ตรวจพบว่าจันป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ มีอาการรุนแรงและทรุดลงเรื่อย ๆ แต่เพราะข้อตกลงที่ทั้งสองมีต่อกัน ในการที่จะต้องไปอยู่บ้านภรรยาของแต่ละฝ่าย 3 วัน อิน-จัน นั่งรถม้าไม่มีประทุน เดินทางไปในขณะที่อากาศหนาวเย็นมาก จนทำให้จันมีอาการปอดบวมและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ในวันที่ 17 มกราคม 2414 และอีก 2 ชั่วโมง ต่อมาอินก็เสียชีวิตตามจันไป













ขอขอบคุณ http://www.rmutphysics.com